เมนู

ชัจจันธวรรคที่ 6



1. อายุสมโอสัชชนสูตร



ว่าด้วยตรัสถึงอิทธิบาท 4 ประการ



[127] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้ :-
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ กูฏาคารศาลา ป่ามหาวัน
ใกล้พระนครเวสาลี ครั้งนั้นแล เวลาเช้า พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงนุ่งแล้ว
ทรงถือบาตรและจีวรเสด็จเข้าไปบิณฑบาตยังพระนครเวสาลี ครั้นเสด็จ
เข้าไปบิณฑบาตยังพระนครเวสาลี กลับจากบิณฑบาตในภายหลังภัตแล้ว
ตรัสเรียกท่านพระอานนท์ว่า ดูก่อนอานนท์ เธอจงถือผ้านิสีทนะ เรา
จักเข้าไปยังปาวาลเจดีย์ เพื่อพักกลางวัน ท่านพระอานนท์ทูลรับพระผู้มี-
พระภาคเจ้าแล้ว ถือผ้านิสีทนะติดตามพระผู้มีพระภาคเจ้าไปข้างหลัง ๆ
ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าได้เสด็จเข้าไปยังปาวาลเจดีย์ ประทับนั่ง
บนอาสนะที่ท่านพระอานนท์จัดถวาย ครั้นแล้ว ได้ตรัสกะท่านพระอานนท์
ว่า ดูก่อนอานนท์ พระนครเวสาลีน่ารื่นรมย์ อุเทนเจดีย์น่ารื่นรมย์
โคตมกเจดีย์น่ารื่นรมย์ สัตตัมพเจดีย์น่ารื่นรมย์ พหุปุตตเจดีย์น่ารื่นรมย์
สารันทเจดีย์น่ารื่นรมย์ ปาวาลเจดีย์น่ารื่นรมย์ ดูก่อนอานนท์ อิทธิบาท
4 ประการ ท่านผู้ใดผู้หนึ่งได้เจริญแล้ว ทำให้มากแล้ว กระทำให้เป็น
ดุจยาน ให้เป็นที่ตั้ง มั่นคงแล้ว สั่งสมแล้ว ปรารภดีแล้ว ท่านผู้นั้น
หวังอยู่ พึงดำรงอยู่ได้ตลอดกัปหนึ่งหรือเกินกว่ากัป. ดูก่อนอานนท์
อิทธิบาท 4 ประการ ตถาคตได้เจริญแล้ว ทำให้มากแล้ว ทำให้เป็น
ดุจยาน ให้เป็นที่ตั้ง มั่นคงแล้ว สั่งสมแล้ว ปรารภดีแล้ว ตถาคตหวัง
อยู่ พึงดำรงอยู่ได้ตลอดกัปหรือเกินกว่ากัป.

[128] เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงกระทำนิมิตอันแจ้งชัด กระ-
ทำโอภาสอันแจ้งชัดถึงอย่างนี้ ท่านพระอานนท์ก็ไม่สามารถจะรู้ ไม่ทูล
วิงวอนพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอพระผู้มีพระภาค-
เจ้าทรงดำรงอยู่ตลอดกัปเถิด ขอพระสุคตทรงดำรงอยู่ตลอดกัปเถิด เพื่อ
เกื้อกูลแก่ชนเป็นอันมาก เพื่อความสุขแก่ชนเป็นอันมาก เพื่ออนุเคราะห์
สัตวโลก เพื่อประโยชน์ เพื่อเกื้อกูล เพื่อความสุขแก่เทวดาและมนุษย์
ทั้งหลาย เพราะถูกมารเข้าดลจิต.
แม้ครั้งที่ 2 . . .
แม้ครั้งที่ 3 พระผู้มีพระภาคเจ้าก็ได้ตรัสกะท่านพระอานนท์ว่า ดู
ก่อนอานนท์ พระนครเวสาลีน่ารื่นรมย์ อุเทนเจดีย์น่ารื่นรมย์ โคตมก-
เจดีย์น่ารื่นรมย์ สัตตัมพเจดีย์น่ารื่นรมย์ พหุปุตตเจดีย์น่ารื่นรมย์ สารันท-
เจดีย์น่ารื่นรมย์ ปาวาลเจดีย์น่ารื่นรมย์ ดูก่อนอานนท์ อิทธิบาท 4
ประการ ท่านผู้ใดผู้หนึ่งได้เจริญแล้ว ทำให้มากแล้ว ทำให้เป็นดุจยาน
ให้เป็นที่ตั้ง มั่นคงแล้ว สั่งสมแล้ว ปรารภดีแล้ว ท่านผู้นั้นหวังอยู่
พึงดำรงอยู่ได้ตลอดกัปหรือเกินกว่ากัป ดูก่อนอานนท์ อิทธิบาท 4
ประการ ตถาคตได้เจริญแล้ว ทำให้มากแล้ว ทำให้เป็นดุจยาน ให้เป็นที่
ตั้ง มั่นคงแล้ว สั่งสมแล้ว ปรารภดีแล้ว ตถาคตหวังอยู่ พึงดำรงอยู่
ได้ตลอดกัปหรือเกินกว่ากัป เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงกระทำนิมิตอัน
แจ้งชัด กระทำโอภาสอันแจ้งชัดถึงอย่างนี้ ท่านพระอานนท์ก็ไม่สามารถ
จะรู้ ไม่ทูลวิงวอนพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอพระ-
ผู้มีพระภาคเจ้าทรงดำรงอยู่ตลอดกัปเถิด ขอพระสุคตทรงดำรงอยู่ตลอด
กัปเถิด เพื่อเกื้อกูลแก่ชนเป็นอันมาก เพื่ออนุเคราะห์แก่สัตวโลก เพื่อ

ประโยชน์ เพื่อเกื้อกูล เพื่อความสุขแก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เพราะ
ถูกมารเข้าดลจิต.
[129] ลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสกะท่านพระอานนท์
ว่า ดูก่อนอานนท์ เธอจงไปเถิด เธอสำคัญกาลอันควรในบัดนี้เถิด ท่าน
พระอานนท์ทูลรับพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว ลุกจากอาสนะ ถวายบังคม
พระผู้มีพระภาคเจ้า กระทำประทักษิณแล้ว นั่งอยู่ที่โคนต้นไม้ต้นหนึ่ง
ในที่ไม่ไกลพระผู้มีพระภาคเจ้า.
[130] ลำดับนั้นแล เมื่อท่านพระอานนท์หลีกไปแล้วไม่นาน มาร
ผู้มีบาปเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับ ได้ยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วน
ข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
บัดนี้ ขอพระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จปรินิพพานเถิด ขอพระสุคตเจ้าเสด็จ
ปรินิพพานเถิด บัดนี้ เป็นกาลควรปรินิพพานของพระผู้มีพระภาคเจ้า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก็พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสพระดำรัสนี้ไว้ว่า ดูก่อน
มารผู้มีบาป ภิกษุผู้เป็นสาวกของเรา จักยังเป็นผู้ไม่ฉลาด ไม่ได้รับแนะนำ
ไม่ถึงความแกล้วกล้า ยังไม่ถึงความเกษมจากโยคะ ยังไม่เป็นพหูสูต
ไม่ทรงธรรม ไม่ปฏิบัติชอบ ไม่ประพฤติตามธรรม ไม่เรียนอาจริยวาท
ของตนแล้ว บอก แสดง บัญญัติ แต่งตั้ง เปิดเผย จำแนก กระทำให้ง่าย
แสดงธรรมมีปาฏิหาริย์ย่ำยีด้วยดีซึ่งปรัปปวาทที่เกิดขึ้นแล้วโดยชอบธรรม
ไม่ได้เพียงใด เราจักยังไม่ปรินิพพานเพียงนั้น ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
ก็บัดนี้ ภิกษุสาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นผู้ฉลาดได้รับแนะนำแล้ว
ถึงความเป็นผู้แกล้วกล้าแล้ว ถึงความเกษมจากโยคะ เป็นพหูสูต ทรง
ธรรม ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ปฏิบัติชอบ ประพฤติตามธรรม
เรียนอาจริยวาทของตนแล้ว บอก แสดง บัญญัติ แต่งตั้ง เปิดเผย จำแนก

กระทำให้ง่าย ย่อมแสดงธรรมมีปาฏิหาริย์ย่ำยีด้วยดีซึ่งปรัปปวาทที่เกิดขึ้น
แล้วโดยชอบธรรม ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ บัดนี้ ขอพระผู้มีพระภาคเจ้า
เสด็จปรินิพพานเถิด ขอพระสุคตเจ้าเสด็จปรินิพพานเถิด บัดนี้เป็นกาล
ควรปรินิพพานของพระผู้มีพระภาคเจ้า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระผู้มี-
พระภาคเจ้าตรัสพระดำรัสนี้ไว้ว่า ดูก่อนมารผู้มีบาป ภิกษุณีสาวิกาของ
เรา . . .อุบาสกสาวกของเรา . . . อุบาสิกาสาวิกาของเราจักยังเป็นผู้ไม่ฉลาด
ไม่ได้รับแนะนำดีแล้ว ยังไม่ถึงความแกล้วกล้า ยังไม่ถึงความเกษมจาก
โยคะ ไม่ทรงธรรม ไม่เป็นพหูสูต ยังไม่ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม
ไม่ปฏิบัติชอบ ยังไม่ประพฤติตามธรรม ไม่เรียนอาจริยวาทของตนแล้ว
บอก แสดง บัญญัติ แต่งตั้ง เปิดเผย จำแนก จักกระทำให้ง่าย แสดง
ธรรมมีปาฏิหาริย์ย่ำยีด้วยดีซึ่งปรัปปวาทที่บังเกิดขึ้นแล้วโดยชอบธรรม ไม่
ได้เพียงใด เราจักยังไม่ปรินิพพานเพียงนั้น ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก็บัดนี้
อุบาสิกาสาวิกาของพระผู้มีพระภาคเจ้า เป็นผู้ฉลาด ได้รับแนะนำดีแล้ว
ถึงความแกล้วกล้า ถึงความเกษมจากโยคะ ทรงธรรม เป็นพหูสูต
ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ปฏิบัติชอบ ประพฤติตามธรรม เรียน
อาจริยวาทของตนแล้ว บอก แสดง บัญญัติ แต่งตั้ง เปิดเผย จำแนก
ย่อมกระทำให้ง่าย แสดงธรรมมีปาฏิหาริย์ย่ำยีด้วยดีซึ่งปรัปปวาทที่เกิดขึ้น
แล้วโดยชอบธรรม ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ บัดนี้ ขอพระผู้มีพระภาคเจ้า
เสด็จปรินิพพานเถิด ขอพระสุคตเจ้าเสด็จปรินิพพานเถิด บัดนี้เป็นกาล
ควรปรินิพานของพระผู้มีพระภาคเจ้า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก็พระผู้มี-
พระภาคเจ้าตรัสพระดำรัสนี้ไว้ว่า ดูก่อนมารผู้มีบาป พรหมจรรย์ของเรา
นี้จักยังไม่เจริญ แพร่หลาย กว้างขวาง คนส่วนมากยังไม่รู้ทั่วถึง ยังไม่

แน่นหนา เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายยังไม่ประกาศดีแล้วเพียงใด เราจัก
ไม่ปรินิพพานเพียงนั้น บัดนี้ พรหมจรรย์ของพระผู้มีพระภาคเจ้าเจริญ
แพร่หลาย กว้างขวาง คนส่วนมากรู้ทั่วถึง แน่นหนา เทวดาและมนุษย์
ทั้งหลายประกาศดีแล้ว ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ บัดนี้ ขอพระผู้มีพระภาค-
เจ้าเสด็จปรินิพพานเถิด ขอพระสุคตเจ้าเสด็จปรินิพพานเถิด บัดนี้เป็น
กาลควรปรินิพพานของพระผู้มีพระภาคเจ้า.
[121] เมื่อมารกราบทูลอย่างนี้แล้ว พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัส
กะมารผู้มีบาปนั้นว่า ดูก่อนมารผู้มีบาป ท่านจงเป็นผู้ขวนขวายน้อยเถิด
ไม่นานนักตถาคตจักปรินิพพาน แต่นี้ล่วงไป 3 เดือน ตถาคตจัก
ปรินิพพาน ครั้งนั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้ามีพระสติสัมปชัญญะทรงปลง
อายุสังขาร ณ ปาวาลเจดีย์ เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงปลงอายุสังขารแล้ว
แผ่นดินใหญ่หวั่นไหว น่าพึงกลัว โลมชาติชูชัน และกลองทิพย์ก็
บันลือลั่น.
ลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทราบเนื้อความนี้แล้ว จึงทรง
เปล่งอุทานนี้ในเวลานั้นว่า
มุนีได้ปลงเครื่องปรุงแต่งภพอันเป็นเหตุสมภพ
ทั้งที่ชั่งได้และชั่งไม่ได้ ยินดีแล้วในภายใน มีจิต
ตั้งมั่น ไม่ทำลายกิเลสที่เกิดในตน เหมือนทหาร
ทำลายเกราะฉะนั้น.

จบอายุสมโอสัชชนสูตรที่ 1

ชัจจันธวรรควรรณนาที่ 6



อรรถกถาอายุสมโอสัชชนสูตร



ชัจจันธวรรค อายุสมโอสัชชนสูตรที่ 1 มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้ :-
บทมีอาทิว่า เวสาลิยํ มีอรรถดังกล่าวแล้วในหนหลังนั้นแล. บทว่า
เวสาสึ ปิณฺฑาย ปาวิสิ ความว่า พระองค์เสด็จเข้าไปในกาลไร ? ใน
กาลที่เสด็จออกจากอุกกาเจลวิหาร แล้วเสด็จไปยังกรุงเวสาลี.
ความพิสดารว่า พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงจำพรรษา ณ เวลุวคามแล้ว
เสด็จออกจากเวลุวคามนั้น ถึงกรุงสาวัตถี โดยลำดับแล้ว ประทับอยู่ใน
พระเชตวัน. ในกาลนั้น พระธรรมเสนาบดี ตรวจดูอายุสังขารของตน
รู้ว่า จักเป็นไปได้เพียง 7 วันเท่านั้น จึงขออนุญาตพระผู้มีพระภาคเจ้า
ไปยังนาลกคาม ให้มารดาดำรงอยู่ในโสดาปัตติผลแล้วปรินิพพานในที่
นั้น. พระศาสดาทรงถือเอาพระธาตุของพระธรรมเสนาบดี ที่พระจุนทะ
นำมาแล้วให้สร้างเจดีย์เป็นที่บรรจุพระธาตุ แวดล้อมไปด้วยภิกษุสงฆ์หมู่
ใหญ่ ได้เสด็จไปยังกรุงราชคฤห์. ในกาลเสด็จไปยังกรุงราชคฤห์นั้น ท่าน
พระมหาโมคคัลลานะปรินิพพานแล้ว. พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงถือเอา
พระธาตุของท่านพระมหาโมคคัลลานะแม้นั้นแล้ว ให้สร้างเป็นเจดีย์แล้ว
เสด็จออกจากกรุงราชคฤห์ เสด็จไปยังอุกกาเจลวิหาร ตามลำดับ. ในที่
นั้น แวดล้อมไปด้วยภิกษุสงฆ์ ประทับนั่ง ณ ฝั่งแม่น้ำคงคา แสดงธรรม
อันเกี่ยวเนื่องด้วยปรินิพพานของพระอัครสาวกทั้ง 2 ออกจากอุกกาเจล-
วิหารแล้ว เสด็จไปยังกรุงเวสาลี. พระผู้มีพระภาคเจ้า เสด็จไปอย่างนั้น
ท่านจึงกล่าวว่า ในเวลาเช้า พระองค์ทรงนุ่งแล้ว ถือบาตรและจีวร
เสด็จไปบิณฑบาตยังกรุงเวลาลี. ด้วยเหตุนั้น ท่านจึงกล่าวว่า อุกฺกาเจลโต